เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567
พ่อค้าไก่ย่าง ถูกจับ “แพะ” คดีวิ่งราวเพชร 15 ล้าน ร้อง ปปป. เอาผิด ม.157 ตำรวจ สน.บางเสาธง ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
(อ่านแล้ว 214 ครั้ง)
Share on Google+

 

วันนี้ 3 ต.ค. 65 เวลา 09.30 น.​ ที่​ศูนย์รับแจ้งความ​กอง​บัญชา​การตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปปป)​ นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ พ่อค้าไก่ย่าง ซึ่งตกเป็นแพะในคดีวิ่งราวเครื่องเพชร 15 ล้านบาท เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ปปป.)เพื่อให้ บก.ปปป. ตรวจสอบและดำเนินคดี ม.157 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สน.บางเสาธง หลังศาลยกฟ้องว่าไม่มีความผิด และเจ้าของเพชรถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี คดีแจ้งความเท็จ เมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา

นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาร้องขอให้ ผบช.ปปป. ตรวจสอบเอาผิดตำรวจชุดจับกุม สน.บางเสาธง 5-6 นาย ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ สืบเนื่องจากตนตกเป็นแพะในคดีวิ่งราวเพชร 15 ล้านบาท โดยในวันที่ถูกจับกุมนั้น ตนกำลังก่อไฟนึ่งข้าวเหนียว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามว่าชื่อรังสิษฐ์ใช่หรือไม่ ซึ่งตนตอบว่า “ครับ เป็นชื่อเก่าผม” จากนั้นจึงถูกควบคุมตัวขึ้นรถยนต์พาไปยังรีสอร์ท ก่อนจะถูกนำเสื้อขึ้นมาคลุมใบหน้า และกดหน้าไว้ระหว่างเบาะสองฝั่ง

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามว่า “มึงเอาเพชรไปซ่อนไว้ไหน” ซึ่งตนเห็นว่าหมายจับดังกล่าวเป็นหมายจับคดีฉ้อโกงที่ดิน อ.สูงเนิน นอกจากนี้เมื่อไปถึงรีสอร์ท ตนถูกเตะเข้าซี่โครง เพื่อเค้นให้ตอบว่านำเพชรไปซ่อนไว้ที่ไหน ทั้งนี้ เพชรดังกล่าวหายที่กรุงเทพฯ แต่ตนอาศัยอยู่ที่ จ.นครพนม ตลอด จึงขอคุยกับเจ้าของเพชร โดยเจ้าของเพชรบอกว่า “มึงเอาเพชรกูไปทำไม” ตนรู้สึกงง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเค้นถามคำถามเดิมต่อไปซ้ำๆ ในตอนแรกตนไม่คิดว่าคนที่เข้ามาจับกุมเป็นตำรวจ นึกว่าถูกจับไปเรียกค่าไถ่ 

ในวันเดียวกันนั้นตนถูกส่งตัวไปที่ สภ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เพื่อให้เจ้าทุกข์คดีฉ้อโกงที่ดินชี้ตัวว่าใช่คนฉ้อโกงหรือไม่ ด้านเจ้าทุกข์บอกว่าไม่ใช่ ตนจึงถูกยกคดีดังกล่าวไป แต่ต่อมา สน.บางเสาธง ได้มาขออายัดตัวไปดำเนินคดีวิ่งราวเพชรต่อไป และถูกส่งเข้าเรือนจำ ทั้งนี้ ตนให้การปฏิเสธตลอด แต่ไม่ได้ประกันตัว

ขณะที่ตนอยู่ในเรือนจำ ภรรยาเป็นคนวิ่งเต้นหาหลักฐานให้ และเข้าร้องดีเอสไอขอให้ช่วยเหลือ ตนจึงสามารถออกมาจากเรือนจำได้ สำหรับการต่อสู้ในชั้นศาล เบิกความครั้งแรกโจทก์กล่าวหาว่าตนเป็นเด็กนักการเมือง ฟอกเงิน และมีเหมืองที่ จ.กาญจนบุรี ทั้งที่ตนอยู่ที่ จ. นครพนม ตลอด 

ต่อมาศาลตัดสินว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็น ยกฟ้องในที่สุด และได้รับปล่อยตัวออกจากเรือนจำทันที ทั้งนี้ ภายหลังศาลยกฟ้องไม่มีการติดต่อกลับมาของตำรวจชุดจับกุมแต่อย่างใด ขณะนี้ผ่านเวลามากว่า 5 ปีแล้ว ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้

สำหรับเรื่องนี้ทำให้ตนเสียหาย เสียทุกอย่างในชีวิต ทั้งอนาคตการทำมาหากิน ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล และลูกของตนขาดโอกาสเรียนหนังสืออีกด้วย ตนจึงมาร้องทุกข์และขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ