(อ่านแล้ว 214 ครั้ง)
วันนี้ 3 ต.ค. 65 เวลา 09.30 น. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปปป) นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ พ่อค้าไก่ย่าง ซึ่งตกเป็นแพะในคดีวิ่งราวเครื่องเพชร 15 ล้านบาท เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ปปป.)เพื่อให้ บก.ปปป. ตรวจสอบและดำเนินคดี ม.157 กับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สน.บางเสาธง หลังศาลยกฟ้องว่าไม่มีความผิด และเจ้าของเพชรถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี คดีแจ้งความเท็จ เมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา
นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาร้องขอให้ ผบช.ปปป. ตรวจสอบเอาผิดตำรวจชุดจับกุม สน.บางเสาธง 5-6 นาย ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ สืบเนื่องจากตนตกเป็นแพะในคดีวิ่งราวเพชร 15 ล้านบาท โดยในวันที่ถูกจับกุมนั้น ตนกำลังก่อไฟนึ่งข้าวเหนียว ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถามว่าชื่อรังสิษฐ์ใช่หรือไม่ ซึ่งตนตอบว่า “ครับ เป็นชื่อเก่าผม” จากนั้นจึงถูกควบคุมตัวขึ้นรถยนต์พาไปยังรีสอร์ท ก่อนจะถูกนำเสื้อขึ้นมาคลุมใบหน้า และกดหน้าไว้ระหว่างเบาะสองฝั่ง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามว่า “มึงเอาเพชรไปซ่อนไว้ไหน” ซึ่งตนเห็นว่าหมายจับดังกล่าวเป็นหมายจับคดีฉ้อโกงที่ดิน อ.สูงเนิน นอกจากนี้เมื่อไปถึงรีสอร์ท ตนถูกเตะเข้าซี่โครง เพื่อเค้นให้ตอบว่านำเพชรไปซ่อนไว้ที่ไหน ทั้งนี้ เพชรดังกล่าวหายที่กรุงเทพฯ แต่ตนอาศัยอยู่ที่ จ.นครพนม ตลอด จึงขอคุยกับเจ้าของเพชร โดยเจ้าของเพชรบอกว่า “มึงเอาเพชรกูไปทำไม” ตนรู้สึกงง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเค้นถามคำถามเดิมต่อไปซ้ำๆ ในตอนแรกตนไม่คิดว่าคนที่เข้ามาจับกุมเป็นตำรวจ นึกว่าถูกจับไปเรียกค่าไถ่
ในวันเดียวกันนั้นตนถูกส่งตัวไปที่ สภ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เพื่อให้เจ้าทุกข์คดีฉ้อโกงที่ดินชี้ตัวว่าใช่คนฉ้อโกงหรือไม่ ด้านเจ้าทุกข์บอกว่าไม่ใช่ ตนจึงถูกยกคดีดังกล่าวไป แต่ต่อมา สน.บางเสาธง ได้มาขออายัดตัวไปดำเนินคดีวิ่งราวเพชรต่อไป และถูกส่งเข้าเรือนจำ ทั้งนี้ ตนให้การปฏิเสธตลอด แต่ไม่ได้ประกันตัว
ขณะที่ตนอยู่ในเรือนจำ ภรรยาเป็นคนวิ่งเต้นหาหลักฐานให้ และเข้าร้องดีเอสไอขอให้ช่วยเหลือ ตนจึงสามารถออกมาจากเรือนจำได้ สำหรับการต่อสู้ในชั้นศาล เบิกความครั้งแรกโจทก์กล่าวหาว่าตนเป็นเด็กนักการเมือง ฟอกเงิน และมีเหมืองที่ จ.กาญจนบุรี ทั้งที่ตนอยู่ที่ จ. นครพนม ตลอด
ต่อมาศาลตัดสินว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็น ยกฟ้องในที่สุด และได้รับปล่อยตัวออกจากเรือนจำทันที ทั้งนี้ ภายหลังศาลยกฟ้องไม่มีการติดต่อกลับมาของตำรวจชุดจับกุมแต่อย่างใด ขณะนี้ผ่านเวลามากว่า 5 ปีแล้ว ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้
สำหรับเรื่องนี้ทำให้ตนเสียหาย เสียทุกอย่างในชีวิต ทั้งอนาคตการทำมาหากิน ชื่อเสียง วงศ์ตระกูล และลูกของตนขาดโอกาสเรียนหนังสืออีกด้วย ตนจึงมาร้องทุกข์และขอเอาเรื่องให้ถึงที่สุด