เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567
ผบ.ตร.แถลงจับ เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ 2 คดี
(อ่านแล้ว 121 ครั้ง)
Share on Google+

 

วันนี้ 12 ต.ค.2565 ที่​ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ 2 คดี พร้อมยาเสพติดของกลางยาบ้า 11,684,000 เม็ด คีตามีน 50 กก. ไอซ์ 2 กก. และตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์  เปิดเผยว่า คดีแรก จับกุมนายตนุภัทร อนันต์สิริพิทักษ์ กับ นานสืบศักดิ์ แซ่กือ กลุ่มชาติพันธุ์ม้งได้ที่บริเวณริมถนนสายสิงห์บุรี-สระบุรี  ที่พยามหลบหนีด่านตรวจ เพื่อลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดสระบุรี เมื่อตรวจสอบภายในรถก็พบว่ามีกระสอบ 33 ใบด้านในบรรจุยาบ้า จำนวน 6,500,000 เม็ด กระเป๋า 2 ใบ ด้านในบรรจุเคตามีน หนัก 50 กก.  และยังยึดโทรศัพท์มือถือได้  3 เครื่องเงินสด 51,000 บาท  พร้อมรถของกลางร่วมขบวนการ 3 คัน ส่วนผู้ขับขี่อีก 2 คันหลบหนีอยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี

จากการสอบปากคำนายตนุภัทร อนันต์สิริพิทักษ์ ผู้ต้องหา เล่าว่า ตนมีอาชีพวิ่งผักขาย แต่ได้มาร่วมกับนานเกียรติพันธ์ แซ่ซ้ง ผู้ต้องหาที่หลบหนี รับจ้างลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่พระพุทธบาท จ.สระบุรี ได้ค่าจ้าง 2 แสนบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อหาคือ ร่วมกันกับเพื่อนที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และร่วมกันกับพวกที่หลบหนี ตำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 โดยไม่ได้รับอนุญาต 

ส่วนอีกคดี ตำรวจ ปส. นำกำลังเข้าจับกุมนายเล็ง แซ่ม้า ได้ที่ป่าละเมาะ ริมถนน ทล.12 ต.ริมน้ำ อ.เมือง จ.ตาก  หลังขับรถบรรทุกหลบการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ เพื่อลำเลียงยาเสพติดจาก อ เทิง จ.เชียงราย ไปส่งให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคกลาง จากการตรวจสอบพบยาบ้าจำนวน 5,184,000 เม็ด ยาไอซ์ 2 กก. พร้อมยึดรถบรรทุกร่วมขบวนการ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสดอีก 8,000 บาท แจ้งข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อตำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท1

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็นอื่นๆอีก โดยเน้นย้ำถึงมาตรการในการตรวจ และปราบปรามยาเสพติดและ การครอบครองอาวุธปืนว่า

ตอนนี้นโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีความเข้มข้นในทุกมิติ ในเรื่องการปราบปรามยาเสพติดนั้น จะทำงานโดยอาศัยฐานข้อมูลเดิม เพิ่มเติมคือการยึดทรัพย์ให้มากขึ้น เน้นการจับกุมผู้เสพรายย่อย เพื่อซักถามและขยายผลให้ทราบแหล่งจำหน่ายให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ข้อมูลจากชาวบ้านในพื้นที่จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการสืบสวนหาแหล่งจำหน่ายและพบผู้เสพยาเสพติกในชุมชนได้  ทั้งนี้การแถลงข่าวจับกุม 2 คดีในวันนี้ก็จะนำไปขยายผลและคาดว่าจะทำให้ทราบถึงตัวการหลักได้ในที่สุด 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยังเน้นย้ำว่า องค์กรตำรวจต้องมีความเข้มข้นในการคัดคนทั้งเข้าและออก ในการคัดคนเข้ามาเป็นตำรวจจากเดิมจะดูแค่ประวัตอาชญากร แต่ต่อไปนี้อาจจะต้องมีการสืบประวัติให้มากขึ้นไปจนถึงประวัติในการเรียน การศึกษา  ส่วนการคัดคนออก ในกรณีที่พบว่ามีคนในองค์กรตำรวจเสพยาเสพติด ผู้บังคับบัญชา ต้องรับผิดชอบ โดยจะมีการเพิ่มโทษผู้บังคับบัญชาให้มากขึ้นด้วย เพื่อไม่ให้ละเลยในการตรวจสอบดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา

อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันว่า สำนักงาน​ตำรวจแห่งชาติ​ จะมีการสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดตำรวจทั่วประเทศ ตามวงรอบทุก 3 เดือน นอกจากนี้ จะตรวจสอบประวัติบุคคลที่จะเข้ารับข้าราชการตำรวจ ย้อนหลังกลับไป 

ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่าที่ประชุมร่วมฯ มีแนวคิด ในการจัดทำฐานข้อมูล การครอบครองอาวุธปืน โดยเฉพาะปืนที่ผิดกฎหมายและไม่มีทะเบียน เตรียมเสนอให้ผู้ที่ครอบครองปืนผิดกฎหมายนำอาวุธปืนมาคืนโดยอยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายรายละเอียดเรื่องนี้  ส่วนกรณีผู้ที่ครอบครองอาวุธปืนที่ถูกกฎหมาย ทั้งในส่วนของข้าราชการและอดีตข้าราชการ รวมทั้งบุคคลทั่วไป สำนักงานตำรวจแห่งชาติเตรียมประสานข้อมูลกับกระทรวงมหาดไทย ในการจัดทำฐานข้อมูลนี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม หรือ อดีตข้าราชการ ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว อาจมีการทบทวนเรื่องการเพิกถอนใบครอบครองอาวุธปืน ซึ่งในรายละเอียดเกี่ยวกับข้อกฎหมายอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน 

ส่วนกรณีอาวุธปืนจำนวน 7 กระบอกหายจากคลังเก็บอาวุธของสถานีตำรวจภูธรราชกรูด จังหวัดระนอง ต่อมารองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 มีคำสั่งให้นายดาบตำรวจ ธปณัฐ จันทร์ทับ ผู้บังคับหมู่งานสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรราชกรูด จังหวัดระนอง ออกจากราชการไว้ก่อน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ถือเป็นมาตรการที่ทางหัวหน้าสถานี ตรวจสอบพบเจอสิ่งผิดปกติ จนนำไปสู่การสืบสวนขยายผลและสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกจากราชการ ทั้งนี้ ได้รับรายงานจาก หัวหน้าสถานี ว่ายังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเครือข่ายอื่นเพิ่มเติมอีก

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ