
(อ่านแล้ว 208 ครั้ง)
วันนี้ 22 ต.ค.2565 เวลา 13.00 น. นางสุดใจ รอดชีวะ อายุ76 เจ้าของร้านสุดใจไก่ย่าง แชมป์ส้มตำเจ้าแรกแห่งประเทศไทย พร้อมผู้เสียหายอีกสี่คน เดินทางมาแจ้งความแก่ ร.ต.อ.ชนิกานต์ เสถียรไชยกิจ รอง สว.สอบสวน สภ.คูคต กรณีนายสุทธา หรือนก อ่วมเมี่ยง ลูกจ้างที่ทำโรงงานน้ำปลาร้าโกงเงิน และ แอบนำทรัพย์สินหลายรายการไปขาย
นางสุดใจ กล่าวว่า นายสุทธา นั้นมาสมัครงานประมาณปี2564 คนเองเห็นหน่วยก้านดีจึงให้มาช่วยงานกิจการโรงงานน้ำปลาร้าแบรนด์แม่สุดใจ ที่ จ.กำแพงเพชร โดยให้เป็นผู้ประสานงานด้านการขาย ซึ่งนายนก ก็ได้ใช้อุบาย ในการกลอก นางสุดใจ ด้วยวิธีการกล่าวอ้างว่ามีผู้สั่งน้ำปลาร้ากับตนเองหลายเจ้า ให้นางสุดใจ สั่งผลิตน้ำปลาร้า 2 พันลัง ตกลังละ15 ขวด เท่ากับ 3 หมื่นขวด พอนำส่งไปขายก็ไม่นำเงินมาให้บริษัท เมื่อนางสุดใจ ได้ถามถึงเงินค่าสินค้า นายนกจะพูดจาหลบหลีกว่าทางคู่ค้ายังไม่โอนเงินมาให้ นอกจากนี้นายนกยังได้กล่าวอ้างติดต่อเครื่องผลิตน้ำปลาร้ารุ่นใหม่ให้นางสุดใจ มีการโอนเงินมัดจำแต่ก็เงียบไปเมื่อนางสุดใจ จะขอคุยกับเจ้าของบริษัทขายเครื่องทำน้ำปลาร้า นายนกก็บ่ายเบี่ยงต่างๆนาๆ และนายนก ยังได้กล่าวอ้างชื่อบุคคลที่ดูน่าเชื่อถือในสังคมว่ามาเป็นคู่ค้าน้ำปลาร้า จะช่วยทำการตลาดแต่ขอสปอนเซอร์ค่าทำและติดตั้งป้ายไวนิล จำนวน 65,000 บาท หลังนางสุดใจโอนเงินไป นายนกก็หายเงียบ และขอลาออกจากบริษัท
นางสุดใจ จึงเอะใจและปรึกษาลูกชายจนสืบทราบว่า ที่ผ่านมาไม่มีการซื้อขายใดๆกับบริษัทคู่ค้า รวมทั้งสั่งซื้อเครื่องจักร ส่วนน้ำปลาร้า3หมื่นขวดก็ไม่ทราบว่านายนกเอาไปทำอะไร แต่ขณะนี้ยอดเงินที่ตัวเองสูญเสียที่โอนให้นายนก รวมแล้วประมาณ 6 แสนบาท
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่มาแจ้งความนายนกอีก 4 คน ซึ่งแต่ละคนล้วนถูกนายนกหลอกเอาทรัพย์สินไปขาย รายแรก นาย แก่น ( ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) ถูกยืมรถกระบะขนของยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน โดยนายนกอ้างว่าจะไปทำธุระต่างจังหวัด 3 วัน ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.แล้วก็เงียบหายเมือผู้เสียหายทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมาจนบัดนี้
รายที่สอง นาย อ้อด ( ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง) ได้ไหว้วานให้นายนกเอารถยนต์ฮอนด้า แอคคอร์ด ไปซ่อม นายนกก็เอาไปซ่อมอู่ย่านนิมิตรใหม่ แล้วก็เอารถไปขายโดยไม่แจ้งนายอ้อด จากเหตุการณ์นี้ นายอ้อดได้ถามไปว่ารถที่ให้เอาไปซ่อมได้หรือยัง นายนกก็บ่ายเบี่ยงว่ายังซ่อมไม่เสร็จ โดยระยะเวลาผ่านไปประมาณ 3 เดือน ซึ่งเมื่อผู้เสียหายไปสืบทราบจากการแกะรอยไปที่อู่ซ่อมรถ และสอบถามเจ้าของอู่ได้บอกว่า นายนกคนที่เอารถมาซ่อมได้ทำการซื้อขายรถคันดังกล่าวไปแล้วโดยมีผู้ซื้อมาซื้อถึงที่อู่เลย
รายที่สาม น.ส.พั้นซ์ ( ขอสวนขื่อและนามสกุลจริง) ถูกนายนกชวนให้เอารถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ที่กำลังผ่อนอยู่มาขายต่อญาติแฟนตัวเองโดยจะให้ญาติแฟนทำการผ่อนต่อ น.ส.พั้นซ์ก็เชื่อใจเพราะเป็นคนรู้จักกันจึงให้ไปขาย เมื่อเวลาผ่านไปไฟแนนซ์ได้มีหนังสือทวงถามมายังผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงได้ถามไปยังนายนก ซึ่งนายนก ได้บอกเดี่ยวจะถามญาติแฟนให้ ก่อนจะเงียบหายไปเป็นระยะเวลากว่าสามเดือน น.ส.พั้นซ์ จึงคาดว่ารถตู้ของตนเองคงถูกนาย นก ขายทอดตลาดมืดไปแล้ว เพราะรถยังติดไฟแนนซ์อยู่ ส่วนรายสุดท้าย นาย ไก่ (ขอสงวนชื่อและนามสกุลจริง)ได้ถูกนายนกยืมเงินไป 1 หมื่นบาท โดยอ้างว่าจะนำไปซื้อรถยนต์มาขับแล้วก็เงียบหายเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตอนแรกก็ไม่มีใครรู้ว่าถูกนายนก หลอกลวง จนผู้เสียหายทั้งหมดนั้นที่เป็นเพื่อนในเครือกลุ่มเดียวกัน ต่างคนได้มานั่งคุยกันจึงเริ่มเอะใจว่าพวกตนถูกหลอก ก่อนทำการสืบทราบความจริงว่าทรัพย์ที่ถูกยืมไปคงถูกนายนกได้ขายไปหมดแล้ว จึงเดินทางร่วมกันมาแจ้งความดังกล่าว ในขณะเดียวกันยังสืบทราบว่าก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายที่ถูกนายนกหลอกแบบเดียวกันแจ้งความไว้แล้วอีกสามราย
ผู้สื่อข่าวได้รายงานต่อว่า นางสุดใจได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ตัวเองรู้ประวัตินายนกว่าเพิ่งออกจากคุกในคดีฉ้อโกง แต่ด้วยความอยากให้โอกาสคนคิดว่าเขาคงกลับตัวกลับใจหลังพ้นโทษ จึงให้มาทำงานด้วยไม่คิดว่าโจรก็ยังคงสันดานเป็นโจรอยู่วันยังค่ำ









