วันนี้ 8 ก.พ.2566 นส.เสาแก้ว ต่อมคำ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 ม.20 ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย ได้เดินทางมาร้องเรียนกับสื่อมวลชนพร้อมกับได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองหน้าสุดจะทนเหลือเกินว่า หลังจากถูกศาลสั่งยึดทรัพย์สินเป็นที่ดินครั้งแรก 4 ไร่กว่า เมื่อ ปี 55  และครั้งที่ 2 เมื่อปี 59 ยึดที่นาไปอีก 3 ไร่กว่า ล่าสุดจะเข้ามายึดที่นาพร้อมที่บ้านซึ่งเป็นแปลงสุดท้ายอีก 3 ไร่กว่า 

ซึ่งรายละเอียด นส.เสาแก้วฯได้เล่าว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาตนได้นำโฉนดที่ดินซึ่งเป็นแปลงนา โดยมีเนื้อที่ 4ไร่กว่า ไปจำนองหรือขายฝากไว้กับ บริษัทลิสซิ่งแห่งหนึ่งในอำเภอเทิง ด้วยจำนวนเงิน 250,000 บาท และผ่อนจ่ายดอกเบี้ยมาได้ประมาณ 1 ปี รวมเงินทั้งสิ้นประมาณ 100,000 บาท และต่อมา สามีได้เกิดอุบัติเหตุรถชน จึงเกิดการชะงักด้านการเงิน จึงเกิดการขาดส่ง 3-4 เดือน บริษัทดังกล่าวจึงได้ส่งเรื่องฟ้องศาลเพื่อยึดทรัพย์สินที่ดินที่นำไปขายฝากหรือจำนำไว้ เท่าที่จำได้และมีเอกสารจากศาลมาพร้อมกับได้ยึดทรัพย์สินที่ดินไป 4 ไร่กว่า ตนคิดว่าน่าจะจบตรงนั้นเนื่องจากตนเข้าใจว่า ที่ผ่านมาตนก็ได้ผ่อนดอกเบี้ยไปเป็นเงิน 100,000 บาท แต่สุดท้ายก็มาถูกยึดทรัพย์ไปดังกล่าว ตนก็ไม่ได้ติดใจอะไร 

ต่อมาเมื่อปี 59 ตนก็ได้รับหมายศาลมาอีกเพื่อจะมายึดทรัพย์สินที่ดินโฉนดเนื้อที่ 3 ไร่กว่าๆอีกต่อมามีคนมาแจ้งว่าอีก 2 วันจะถูกขายทอดตลาดเมื่อตนไปที่สำนักงานบังคับคดีเจ้าหน้าที่เขาบอกว่าได้ขายไปเมื่อวานแล้ว ทั้งที่มาบอกกับตนว่าอีก 2 วัน ตนจึงเกิดความสงสัยแคลงใจเกิดขึ้นว่าในเมื่อยึดไปแล้วครั้งแรกก็น่าจะจบ...โดยครั้งแรกเมื่อปี 55 ที่ดินที่ถูกยึดไปราคาประเมิน 290,000 บาท แต่ราคาที่ขายไปเพียง 270,000 บาทเท่านั้น พอมาปี 59 ที่นาที่ถูกยึดไปตนได้ไปวางประกันเพื่อกู้เงินมาจำนวน 800,000 บาทไว้ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เพื่อการเกษตร สาขาเทิง แต่ถูกบริษัทลิสซิ่งรายดังกล่าวไปยื่นฟ้องศาลและสามารถยึดออกมาขายทอดตลาดได้เองโดยที่ตนไม่ทราบเรื่อง ซึ่งตนเกิดความสงสัยว่าโฉนดที่ดินอยู่ใน ธกส.แต่ทำไมถึงสามารถเอาออกมาได้เองทั้งที่ตนได้นำไปวางประกันเพื่อกู้ยืมเงินมาจำนวนหนึ่ง โดยพนักงานธนาคารเอาออกมาให้บริษัทลิสซิ่งซึ่งเป็นคนนอกที่สามารถเอาออกมาได้ตนก็งง.! และมีแบบนี้ได้ด้วยหรือ

และล่าสุดเพียงไม่กี่วันผ่านมานี้ได้มีคนยนำหมายศาลมาแจ้งอีกว่าจะเข้ามายึดที่ดินที่ติดกับตัวบ้านอีก ตนจึงตกใจว่าทำไมถึงมีแบบนี้อีก จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเข้ามาขอความช่วยเหลือจากสื่อฯเพื่อเสนอข่าวเพื่อให้ผู้รู้ได้มาให้ความช่วยเหลือตนเนื่องจากตนไม่มีความรู้อะไรจึงอยากขอให้หน่วงยงานใดก็ได้เพื่อมาช่วยเหลือตนพ้นทุกข์ในครั้งนี้ เพราะตนเหลือที่ดินผืนสุดท้ายแล้ว ถึงตนนี้ตนเครียดมากคิดจะฆ่าตัวตายให้มันรู้แล้วรู้รอดเพื่อให้มันพ้นๆเรื่องความวุ่นวายดังกล่าวนี้เสียที

ส่วนเงินกู้ที่ตนยังติดหนี้อยู่ในบริษัทลิสซิ่งดังกล่าวยังคงเดิมเป็นเงินต้นรวมดอกขณะนี้เหมือนเดิมคือ 270,000 บาท และ ตนก็ยังติดหนี้ที่ ธกส.อีก 800,000 บาท ทั้งที่ โฉนดก็ไม่มีเหลืออยู่ที่ ธกส.  ตนจึงอยากให้มีการตรวจสอบ บริษัทลิสซิ่งและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่าทำไมถึงกั่นแกล้งตนคนไม่มีความรู้ถึงได้เอารัดเอาเปรียบตนได้ถึงเพียงนี้

วินัย ไชยสถาน เชียงราย ภาพ ข่าว