เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2567
อึ้ง พ.ต.ต.หญิง วัย 67 ปี รับยิง พล.ต.ท.ปัญญา ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. สามีตัวเอง
(อ่านแล้ว 103 ครั้ง)
Share on Google+

จากเหตุการณ์พบร่าง พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ถูกอาวุธปืนยิงเข้าหลายแห่งในร่างกายจนเสียชีวิตในบ้านปิ่นภมร เลขที่ 276/2 ซอยบรมราชชนนี 70 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 14.30 น. โดย ร.ต.ท.วิชญะ แก้วเชื่อม รอง สว.(สอบสวน) สน.ธรรมศาลา เป็นผู้รับแจ้งก่อนรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.พล.ต.ต.จักรภพ สุคนธราช ผบก.น.7พ.ต.อ.กิตติเดช จันทร์เพชร ผกก.สน.ธรรมศาลาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บกน.7ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลาเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด อยู่ในเนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา ติดริมคลองควาย ภายในรั้วหน้าบ้านพบศพ พล.ต.ท.ปัญญา ปิ่นสุข ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. อายุ 59 ปี นอนหงายจมกองเลือดในชุดกางเกงขายาวสีน้ำเงินเพียงตัวเดียว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนที่หน้าอกด้านขวา 1 นัด ใต้รักแร้ซ้าย 1 นัด ใกล้กันพบ พ.ต.ต.(ญ) พรประภา ปิ่นสุข อายุ 67 ปี ภรรยานั่งร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสามียิงตัวเอง

เจ้าหน้าที่ขึ้นไปตรวจสอบบนห้องนั่งเล่นชั้น 2 ใกล้กับบันได พบรอยเลือดกระจายอยู่ทั่วบริเวณบนตู้ไม้เก็บของสูงประมาณ 1 เมตร พบปืนพกแบบลูกโม่ ยี่ห้อ สมิท แอนด์ เวสสัน ขนาด.38 วางอยู่ 1 กระบอก บนพื้นใกล้กันพบอาวุธปืนพกยี่ห้อ ซิก ซาวเออร์ ขนาด 9 มม. อยู่ในซองพก ตกอยู่อีก 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นายสินชัย ศรีคำชุม อายุ 58 ปี ให้การว่า ตนเป็นช่างที่สนิทกับเจ้าของบ้านทั้ง 2 คน เข้ามาทำงานเหล็กที่บ้านนี้บ่อย ก่อนเกิดเหตุทาง พ.ต.ต.(ญ) พรประภา โทรศัพท์มาหาตน บอกว่าให้ช่วยพาผู้การไปโรงพยาบาลหน่อย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร ตนจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์ไปที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างกันไม่เกิน 1 กม.

เมื่อขึ้นไปชั้น 2 พบ พล.ต.ท.ปัญญา นอนหมดสติจมกองเลือด ตนจึงไปตามลูกน้องที่เคยร่วมงานกันอีก 3 คน ซึ่งพักอยู่บ้านถัดไปประมาณ 30 เมตร ให้ขึ้นไปช่วยแบกร่าง พล.ต.ท.ปัญญา ส่งโรงพยาบาล เมื่อแบกร่างลงมาถึงรถเก๋ง และพยายามเอาร่าง พล.ต.ท.ปัญญา ใส่รถเก๋ง แต่รถเก๋งคันเล็กไป ตนจึงวางร่างไว้กับพื้น แล้วโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพจากโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ให้มาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล พล.ต.ท.ปัญญา เสียชีวิตก่อนรถกู้ชีพจะมาถึง

 

 

ด้านนางสำรอง ชนิดกุล อายุ 70 ปี ซึ่งขายข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านที่เกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด แล้วได้ยินเสียง พ.ต.ต.(ญ) พรประภา ร้องว่า “พี่ไม่น่าทำแบบนี้เลย” จากนั้นก็มีช่างที่สนิทกับบ้านนี้เข้าไปช่วยกันแบกร่างผู้ตายลงมาด้านล่าง ตนเห็นครอบครัวนี้มานาน ทั้งคู่มีลูกสาว 1 คน เรียนจบจากต่างประเทศ และไปทำงานอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ทั้งคู่เป็นคนใจบุญ ใส่บาตรพระเกือบทุกวัน ใครมาขอข้าว ขอเงิน ก็ให้มาตลอด แถมยังสร้างศาลาริมน้ำไว้นอกบ้านให้คนมานั่งพักอีกด้วย 

ด้าน พล.ต.ท.ธิติ เปิดเผยหลังจากเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า เบื้องต้น พบบาดแผลถูกยิงเข้าไปในร่างทั้ง 2 นัด ไม่ใช่กระสุนที่ยิงเข้าไปแล้วทะลุอีกด้าน ผู้ตายไม่น่าจะใช้อาวุธปืนยิงตัวเอง เพราะไม่มูลเหตุในการจูงใจ ทั้งเรื่องหน้าที่การงาน และผู้บังคับบัญชา เกิดจากความเครียดของคนในครอบครัว ตอนนี้ได้ให้ฝ่ายสืบสวน สน.ธรรมศาลา นำภรรยาที่อยู่ในกันภายในบ้านก่อนเกิดเหตุไปสอบปากคำ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ปากคำได้เพราะยังอยู่ในอาการช็อก

ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำของผู้อื่นแน่นอน ซึ่งตนได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บกล้องวงจรปิดภายในบ้านมาตรวจสอบ และสอบพยานข้างบ้านที่ได้ยินเสียงปืนหลังจากที่ภรรยาของผู้ตายหายจากอาการช็อกแล้ว ก็จะสอบปากคำอย่างละเอียดพร้อมกับจะตรวจเขม่าดินปืนที่มือ เพื่อเก็บพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง ตนเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พล.ต.ท.ปัญญา ผู้ตาย เป็นคนอุปนิสัยน่ารัก จึงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัว พ.ต.ต.(หญิง) พรประภา ปิ่นสุข อายุ 67 ปี ภรรยาผู้ตาย ไปสอบปากคำที่โรงพัก ปรากฏว่าเจ้าตัวยอมรับเป็นผู้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงสามีตนเองจริง แต่ไม่ยอมเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริง เนื่องจากยังไม่พร้อมจะให้การกับทางตำรวจ เบื้องต้นผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแก่ผู้ต้องหาเอาไว้ก่อน จากนั้นจะประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บคราบเขม่าตามร่างกายและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ