เวลา 09.00 น.วันที่ 3 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหนองแฝกเลื่อม ต.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายอานนท์ ไข่รัศมี อายุ 31 ปี และ น.ส.ถิรดา อินประจง อายุ 31 ปี ที่ญาติได้จัดเตรียมสถานที่ มีโลงเย็นที่เตรียมไว้จำนวน 2 ใบ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ซึ่งการบ้านเลขที่ 4/8 หมู่ที่ 11 ต.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากรณี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 ร.ต.อ.คัชรัส โสมนัส รอง สว.(สอบวน) สภ.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี ได้รับแจ้งจาก ร.ต.ต.เอกชัย ปราบพาล รอง สว.(ป.) ว่ามีผู้เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 4/8 หมู่ที่ 11 ต.โคกตูม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยด้วย พ.ต.ต.สุภัทร ทองสุขดี สว.สส.สภ.โคกตูม พร้อมพวก ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ลพบุรี แพทย์เวร รพ.อานันทมหิดล และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูลพบุรี

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว มีประชาชนในพื้นที่ ที่ทราบข่าวได้เดินทางมามุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก ภายในห้องนอนพบร่างนายอานนท์ ไข่รัศมี อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/8 หมู่ที่ 11 ต.โคกตูม อ.เมือง ลพบุรี ไม่สวมเสื้อผ้า มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่หน้าอกจำนวน 2 แผล นอนจมกองเลือดอยู่ภายที่พื้นห้องนอน คราบเลือดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ บนที่นอนพบมีดปลายแหลมจำนวน 2 เล่ม มีคราบเลือดติดอยู่ และโทรศัพท์ 2 เครื่องวางอยู่บนที่นอน พัดลมและแอร์ยังเปิดอยู่ มีร่องรอยข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้าลักษณะรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่ว

ที่หน้าหน้าห้องน้ำพบร่าง น.ส.ถิรดา อินประจง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่เดียวกันซึ่งเป็นภรรยาของนายอานนท์ สวมเสื้อยกทรง กางเกงขาสั้นสีดำ ใช้สายไฟฟ้าสีดำมัดโยงกับขื่อหน้าห้องน้ำผูกคอตัวเองห้อยโตงเตง ซึ่งเป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้ที่มามุงดู ต่างวิจารณ์ถึงเหตุการณ์สยองในครั้งนี้ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร และตำรวจงานสืบสวน ได้เข้าชันสูตรพลิกศพ ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตทั้งสองศพ กว่า 4 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ท่ามกลางพ่อแม่และญาติของผู้ที่เสียชีวิตที่ร้องให้ระงม เป็นที่น่าเวทนา

นายสุเทพ ไข่รัศมี อายุ 54 ปี พ่อของนายอานนท์ ผู้ซึ่งเป็นคนแรกที่พบศพลูกชายเล่าด้วยเสียงสะอื้นว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ได้เดินทางมาจากบ้านพร้อมด้วยนายแดง อินประจง อายุ 52 ปี พ่อของ น.ส.ถิรดา ที่หลังจากไม่สามารถติดต่อลูกชายลูกสะใภ้ได้ พยายามติดต่อโทรหาก็ไม่มีใครรับสาย หลังจากลูกสะใภ้ได้โทรไปหานางจำเนียร ไข่รัศมี อายุ 54 ปี แม่ย่าเมื่อเวลา 09.00 น.ว่าวันนี้หนูและอานนท์ไม่สบาย จะนอนพักที่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง จนถึงเวลาที่ลูกชายลูกสะใภ้จะต้องมากินข้าวพร้อมกันที่บ้านไม่มาสักที ซึ่งคิดว่ากินยาแล้วนอนหลับ จนเย็นเกิดความสงสัยจึงได้เดินทางมาดู เรียกเท่าไรก็ไม่เปิดประตู นายสุเทพพ่อนายอานนท์ จึงได้งัดบานหน้าต่างห้องนอน เมื่อประตูเปิดต้องต้องตกสุดขีดเมื่อพบว่าลูกชายตายแล้ว จึงได้เดินไปหาลูกสะใภ้ต้องเป็นลมล้มทั้งยืนเมื่อลูกสะใภ้ผูกคอตายแล้วเช่นกัน 

พ่อและแม่ของทั้งคู่ เล่าว่านายอานนท์กับ น.ส.ถิรดา แต่งงานอยู่กินกันมากว่า 10 ปี ไม่มีลูก ลูกชายมีอาชีพขายของตลาดนัด ลูกสะใภ้เพิ่งสอบเป็นครูอัตราจ้างและสอนหนังสือเด็กเล็กเพียง 3-4 เดือน พ่อและแม่ของทั้งคู่กล่าวด้วยความเศร้าโศกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกทั้งสองไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่าไม่มีท่าที ไม่มีสิ่งบอกเหตุใดๆ ถึงเหตุการณ์ร้ายดังกล่าว ทั้งคู่รักกันดี ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน และไม่ทราบถึงต้นสายปลายเหตุของการฆ่ากันในครั้งนี้

ในเบื้องต้นจากการชันสูตรพลิกศพ ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐาน และเครือญาติ ไม่มีสาเหตุอื่นใดนอกจากปัญหาครอบครัว ซึ่งพ.ต.ต.สุภัทร ทองสุขดี สว.สส.สภ.โคกตูม ได้ตรวจสอบโทรศัพท์ของ น.ส.ถิรดา พบข้อความสำคัญ ที่ได้พิมพ์ไว้ในโปรแกรมเมสเซนเจอร์ ส่งถึงมือถือนายอานนท์สามี เมื่อเวลา 06.24 น. วันที่ 2 มี.ค. 2566 ข้อความ”ขอโทษทุกคนที่ทำแบบนี้ ปัญหามันมากมายหลายอย่าง สัญญากันไว้ว่าจะตายไปด้วยกัน โดนหลอกแต่คนไม่จริงใจ ผิดพลาดหลายๆอย่าง ขอโทษแม่ทั้งสองที่ทิ้งปัญหาไว้ให้ ถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้ลูกเกิดเป็นคนดีกว่านี้ไม่สร่างปัญญาให้แม่ทั้งสองฝั่ง ขอให้ลูกอยู่วัดเดียวกันเด้อ เอาลูกไปวัดเดียวกันเด้อ ไปโรงเดียวกันด้วย เอาหนูกลับมาไว้บ้านเด้อ” หลังจากนั้นเวลา 09.00 น.ได้โทรไปบอกแม่ย่าว่าไม่สบาย ซึ่งเป็นคำลาสุดท้ายของสะใภ้

จากการตรวจสอบโดยละเอียดไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ซึ่งคาดว่าสิ่งของที่กระจัดกระจายในห้องนอนนั้นเนื่องจากก่อนเสียชีวิตได้ทุรนทุราย จนข้าวของเครื่องใช้กระจัดกระจายไปทั่ว อีกทั้งการที่ น.ส.ผูกคอตัวเองก็ได้ไปนำเชือกไนล่อนสีขาวแดง ซึ่งคาดว่าน่าจะรับน้ำหนักไม่ไหว ได้ใช้สายไฟขนาดใหญ่ทุบฝ้าเพดาน ก่อนผูกโยงกับขื่อบ้านรัดคัวตัวเองตายตามสามี ที่จ้วงแทงจนเสียชีวิตก่อนที่จะโทรไปหาแม่ย่า จากการชันสูตรพลิกศพพบบาดแผลที่กลางหน้าอก 2 แผลและชายโครงขวาอีก 1แผล ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้นำส่งพิสูจน์ ที่ รพ.อีกครั้ง ก่อนที่จะมอบร่างทั้งสองให้กับมูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ธรรมศาสตร์ เพื่อพิสูจน์สาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

ล่าสุดเมื่อ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางสมพร อินประจง แม่ของ น.ส.ถิระดา ที่กำลังจัดเตรียมอาหารในครัวของวัดถึงประเด็นสาเหตุ ซึ่งนางสมพรได้แต่ร้องให้สะอึกสะอื้น บอกตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้นอนคิดแต่เรื่องร้ายดังกล่าว โดยไม่บอกถึงสาเหตุของการสูญเสียดังกล่าวว่ามาจากเหตุใดที่ลูกสาวลูกเขยทำเช่นนี้

ล่าสุดเวลา 10.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเช้าพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวนายสุเทพ ไข่รัศมี อายุ 54 ปี พ่อและญาติที่พบศพคนแรกมาสอบปากคำเพิ่มเติมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้คำตอบเดิมว่าไม่รู้สาเหตุของการตัดสินใจของลูกชายและสะใภ้ เพราะไม่เคยรู้ปัญญาของลูก และก็ไม่เคยเห็นลูกมีปัญหาอะไรกัน ส่วนคำปริศนาที่กล่าวว่า”โดนหลอกแต่คนไม่จริงใจ ขอโทษแม่ทั้งสองที่ทิ้งปัญหาไว้ให้” ซึ่งลูกชายและสะใภ้เขาคงมีความลับอะไรกับแม่ทั้งสองคนแต่ตนเองไม่รู้ เพราะปกติเขาจะปรึกษา ปัญหาต่างๆกับแม่เสียส่วนใหญ่

ด้านตำรวจงานสืบสวน สภ.โคกตูม ที่ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนหาสาเหตุการฆาตกรรมและการฆ่าตัวตายในครั้งนี้กับพวกเพื่อนสนิทของทั้งสองคนว่าไม่มีเรื่องบาดหมางกับใคร ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ตั้งไว้ 2 ประเด็น คือเรื่องปัญหาครอบครัวระหว่างเขาสองคน กับปัญหาหนี้สินที่หยิบยืมมาแล้วเคลียร์ไม่ทัน หาทางออกไม่ได้ สอดคล้องกับการขอโทษแม่ทั้งสองคนที่ทิ้งปัญหาไว้ให้ รวมถึงนางสาวปวีณา สนพลอย ผอ.สถานศึกษา รร.เทศบาล1(ซอย6) ผู้บังคับบัญชาของ น.ส.ถิระดา ครูจ้างเหมารายปี ซึ่งย้ายมาทำงานได้ประมาณ 4 เดือน กล่าวว่าน้องเป็นคนดี มีเมตตา ขยัน เป็นที่รักของทุกครูและนักเรียนทุกคนและสามีของน้องก็มักมาช่วยงานที่ รร.เป็นประจำทราบข่าวรู้สึกตกใจ เสียใจที่ต้องสูญเสียบุคลากรที่ดีไป 

ภาพ / ข่าว กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี

คริส อินดี้ รายงาน 0917377589