เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2567
นครพนม ทนายตั้ม พร้อม ช่อฉัตร เดินทางรับทราบข้อกล่าวหาหมื่นประมาทครูแก้วและพวก
(อ่านแล้ว 159 ครั้ง)
Share on Google+

 

วันที่ 29 มี.ค.66 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครพนม อ.เมือง จ.นครพนม นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความ นางสาวช่อฉัตร โตชูวงค์ นักธุรกิจ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.กวินธ์พงศ์ ดำรงดาลัยพงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา” โดยทั้งสองรับทราบข้อกล่าวหา และให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.65 ทนายตั้มและ นางสาวช่อฉัตร ผู้ต้องหาทั้งสองได้จัดให้มีการแถลงข่าว โดยการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ระบุว่า สรุปแล้วผู้ก่อเหตุคนนี้ นอกจากว่าเขาจะมีตำแหน่งทางรัฐสภาแล้ว ปัจจุบันยังเป็นที่ปรึกษา นายก อบจ. และเป็นสามีที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยนะครับ ก็เอาง่ายนะก็เหมือนกับเป็นลูกเขย ของรองประธานสภาคนหนึ่ง ไม่บอกว่าคนไหนนะครับ พี่พี่สื่อมวลชนพากันไปเดาเอาเอง  ส่งผลให้ผู้ที่รับชมการแถลงข่าวดังกล่าว เข้าใจว่า ผู้กล่าวหา ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกับนายธนบวรฯ กรณีของ น.ส.ช่อฉัตร ทั้งที่ความจริงแล้ว ผู้กล่าวหา ยังไม่ได้แต่งงานและไม่มีครอบครัวแต่อย่างใด ซึ่งถือได้ว่าเป็นความที่ผู้ต้องหาทั้งสอง ได้ให้สัมภาษณ์ เป็นการใส่ความให้ผู้กล่าวหาเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชังเหตุเกิดที่ ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม

ซึ่งการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา”  และได้แจ้งให้ผู้ต้องหาให้ทราบว่า ผู้ต้องหามีสิทธิ์ที่จะให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ถ้าให้การคำให้การของผู้ต้องหานั้น อาจะใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ และผู้ต้องหามีสิทธิ์ให้ทนายความหรือผู้ซึ่งตนไว้วางใจเข้าฟังการสอบสวนปากคำตนได้ ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหา และเข้าใจดีโดยตลอด ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา  พนักงานสอบสวนได้รับตัวผู้ต้องหา ไว้เพื่อดำเนินคดีต่อไป ได้ทำการสอบปากคำแล้วปล่อยผู้ต้องหาไป โดยไม่ได้จับกุมหรือควบคุมตัวไว้  ซึ่งผู้ต้องหารับว่า จะมาตามกำหนดนัดของพนักงานสอบสวน เพื่อการสอบสวนต่อไป

นายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม  กล่าวว่า  พนักงานสอบสวนเรียกมาเพื่อที่จะรับทราบข้อกล่าวหา กรณีที่ รองประธานสภาคนหนึ่ง  และ บุตรสาว และนายธนบวร จากการที่ดำเนินคดีที่ตนหมิ่นประมาทจากการที่ตนให้สัมภาษณ์ในกรณี ของคุณช่อฉัตร นักธุรกิจ แถลงข่าวที่สำนักงานษิทธา ลอว์เฟิร์ม  วันนี้ตำรวจได้เรียกมารับทราบข้อกล่าวหาด้วยการโฆษณา ตนมาตามหมายเรียก ไม่มีความหนักใจไม่มีการหมิ่นประมาทใคร ส.ส.ที่มาดำเนินคดีกับตน ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับเค้าเลย หรือแม้แต่ลูกสาวเค้าก็ตาม แจ้งความให้ตนลำบาก วันนี้มี 3 สำนวน จริง ๆ นัดกันคนละวัน แต่ตนได้ทำเรื่องนี้ร้องไป จึงได้รับอนุญาตให้เป็นวันเดียวกัน ปฏิเสธทั้ง 3 คดี เพราะไม่ได้ทำความผิด  ทนายอีกคนของคุณช่อฉัตรก็โดนดำเนินคดีด้วย คุณช่อฉัตร โดน 5 คดี ตนโดน 3 คดี มีคดีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา คุณช่อฯ หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 3 เรื่อง 2 เรื่องคือการขอเอกสารตนไม่ทราบเนื่องจากไม่ได้ไปนั่งฟัง นอกจากคดีนี้มีการร้องวินัยตำรวจ  ผกก.และพนักงานสอบสวนทั้ง 2 คน 3 คดี  เนื่องจาก ผกก.ไม่กำกับดูแล แต่แยกเป็น 3 คดี ทั้ง ๆ ที่อยู่ในโรงพักเดียวกัน ร้องร้อยเวรในคดีของ ส.ส.ศุภชัย ว่า และตัวลูกสาว  โดยมีการออกหมายเรียกตน ซึ่งตนไม่ได้ว่าเค้าเป็นคนไม่ดีหรือว่าอะไรยังไง ได้มีการร้องให้มีการสอบวินัยร้ายแรง ตำรวจโรงพักนี้  ผบก.ภ.จว.นครพนม ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนร้ายแรงเข้ามาสอบในเรื่องนี้  ร้องเรียนเมื่อประมาณ 1-2 อาทิตย์ที่แล้ว หลังจากที่ได้รับหมายมาหลายครั้ง ทั้ง ๆ ที่ส่งหมายมา 1 ครั้ง ตนก็ทราบแล้ว ก็แจ้งวันที่จะเดินทางมารับทราบ แต่ก็ส่งหมายเรียกมาอีกหลายครั้ง เพื่อที่จะออกหมายจับ เราได้มีกำหนดนัดไปแล้ว ได้มีการร้องเรียนเจ้าหน้าที่ตำรวจไป 3 ราย คือ ผกก. สภ.เมืองนครพนม พนักงานสอบสวน 2 คน ตอนนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ว่ามีความผิดทางวินัย ก็จะมีการลงโทษต่อไป  ผบก.ภ.จว.นครพนม แจ้งว่า ตามระเบียบสามารถจะโอนเรื่องไปที่ กทม.ได้ อยู่ที่ทาง  กทม. ว่าจะรับหรือไม่

นางสาวช่อฉัตร  โตชูวงศ์  กล่าวว่า    สำหรับการมาครั้งนี้มีความหนักใจ เพราะเข้าเขตพื้นที่อิทธิพลของเค้า ข้อหาที่ได้รับแจ้งคือหมิ่นประมาทเป็นส่วนมาก 5 คดี แต่ข้อหาเดียวคือ หมิ่นประมาทธรรมดา คือตนเอาเรื่องข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนปกป้องในสิทธิ์ของตน โดยนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเปิดเผยในที่สาธารณะ  หลักฐานอ่อนมาก แทบไม่มีอะไรเลย  เป็นการกล่าวหาเท่านั้นเอง ว่าเราหมิ่นประมาทเค้า  เจตนาในการฟ้อง คือฟ้องปิดปาก เพราะตอนนี้เท่าที่ทราบมา พอเรามาเจรจามั้ย คุยมั้ย ถ้าคุยความหมายก็คือ "เรามาแลกกันมั้ย เรารู้อยู่แล้ว ว่า เค้าฟ้องเพื่อให้เราหยุด" ให้ทนายตั้มหยุดให้ข่าว ว่าเค้าไปโกงใครมาบ้าง เค้ากลัวเราจะขุดคุ้ยว่า ไปหลอกใครมาบ้าง ไปโกงใครมา ไปทำอะไรมา กลัวโดนตีแผ่มากกว่านี้ เค้าก็เลยจะฟ้องปิดปากเราแม้หนักใจในระยะทาง แต่ตนก็จะเรียกร้องความเป็นธรรม เพื่อความถูกต้อง ที่เราจะเอาคนไม่ดีมาสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย เราไม่ได้อะไรนะ แต่เราก็ยังมีกำลังที่จะสู้กับเขา เขายังรังแกเราขนาดนี้ จึงมีความรู้สึกว่า ถ้าปล่อยให้คนอย่างนี้มาเดินต่อในสังคม เขายังหลอกลวงคนไปเรื่อย ๆ การที่เราเอาเค้ามาเปิดเผยว่า เขาคืออดีตนนักโทษ เรื่องจริง แต่ถ้าเค้าจะฟ้องปิดปาก ว่าหมิ่นประมาท ไม่พูด ตนไม่ยอม  ให้การปฏิเสธทั้งหมด คือ ตนเอาเรื่องจริงมาเปิดเผย

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ