(อ่านแล้ว 105 ครั้ง)
วันนี้ 19 ก.ย.2565 นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และ ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ้คส่วนตัวถึงกรณี คดี Forex 3D ใจความกล่าวว่า วันนี้ผมเห็นดีเอสไอยึดรถหรูคดี Forex 3D ผมมั่นใจว่าผู้เสียหายต้องดีใจทุกคน และก็หวังว่ารถคันนั้นจะนำมาขายทอดตลาดคืนให้กับผู้เสียหาย
แต่ช้าก่อนอย่าเพิ่งด่วนดีใจไป อย่างแรกรถคันนั้นต้องไม่ติดไฟแนนซ์ก่อน เพราะถ้าติดไฟแนนซ์ต้องคืนกลับไปให้ไฟแนนซ์ก่อน แต่ถ้าไม่ติดไฟแนนซ์ก็ยังคืนให้ไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้าดีเอสไอยึดไว้ในคดีอาญา ก็ต้องส่งให้ศาลพิจารณาสั่งคืนตามกฎหมาย ป วิอาญา หรือถ้าดีเอสไอส่งรถไปให้ยึดในคดีฟอกเงินคือส่งไปให้ ปปง.ก็ต้องส่งให้ศาลแพ่งพิจารณาสั่งคืนอยู่ดี
ดังนั้นแปลว่า ทรัพย์สินที่ยึดได้ยังไม่สามารถคืนให้กับผู้เสียหายได้ในทันที เฉกเช่นเดียวกับคดีแชร์ลูกโซ่ยูฟัน ที่ผู้เสียหายบุกไปร้องกระทรวงยุติธรรม ให้กรมบังคับคดีคืนทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ที่สั่งให้จำเลยชดใช้ แต่เนื่องจากจำเลยฏีกา ก็ต้องรอคำสั่งเด็ดขาดก่อน ซึ่งคดียูฟันตั้งแต่ปี 2557 คดีตะเกียงน้ำมันหอมระเหย ตั้งแต่ปี 2555 ก็ยังไม่ได้คืน
ส่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) ขยับในเรื่องคดี Forex 3D นั้นโครงสร้างทางกฎหมาย นั้นระบุชัดในการวางหลัก มาตรา4 พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนว่า ผู้ใดชักชวนให้มาลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.ก.นี้แต่ผมก็แปลกใจที่ว่า รมว.เอ็มดีอีเอส ออกมาให้ข่าวตำหนิทาง ก.ล.ต. ผมก็เห็นว่าถ้า รมว.เอ็มดีอีเอส จะเร่งปราบปรามกระบวนการเหล่านี้ก็ทำได้ เพราะทุกวันนี้อาชญากรรมทางเศรษฐกิจจะใช้โซเชี่ยลเป็นฐานในการกระทำความผิด และประเทศไทยก็มีกฏหมายคุ้มครองประชาชนในเรื่องนี้ด้วย คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ได้ให้การคุ้มครองประชาชนในมาตรา14 โดยใน มาตรา 14 เป็นกฎหมายอาญาว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะก่อให้เกิดภัยต่อความมั่นคง ความปลอดภัยต่อสาธารณะและประเทศ โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับหากทำต่อประชาชนหรือสาธารณะ และ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า รมว.เอมดีอีเอส มีอำนาจได้การดำเนินการดังกล่าว ตามมาตรา 4 โดยใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ พลเอก.ศ.2560 ระบุชัดใน “มาตรา 4 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้กฎกระทรวงและประกาศนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้”
ดังนั้นผมจึงบอกว่าปัญหาแชร์ลูกโซ่นั้นเป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง การปราบปรามขาดเจ้าภาพทำ การเยียวยาทำได้ช้านี้คือปัญหาใหญ่ ที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชาตกเป็นเหยื่อแล้วเดือดร้อน เพราะกระบวนการมีปัญหาเชิงโครงสร้างดังนั้นถึงเวลาแล้วที่มีผู้มีอำนาจต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้