(อ่านแล้ว 24 ครั้ง)
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้ออกไว้ก่อนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 538/2567 เรื่อง “ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน” โดยคำสั่งดังกล่าวมีตำรวจถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน 9 นาย เป็นตำรวจยศพันตำรวจโท 1 นาย ตำแหน่งสารวัตรสืบสวน สภ.ใน จ.นครราชสีมา, ร้อยตำรวจเอก 2 นาย เป็นรองสารวัตร บก.สส.สอท.1 และรองสารวัตรป้องกันและปราบปราม สน.ในกรุงเทพฯ, ดาบตำรวจ 5 นาย และจ่าสิบตำรวจ 1 นาย
ทั้งนี้ จากกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงจนถูกตั้งกรรมการสอบสวนกรณีมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากนายไซ สัญชาติวานูอาตู เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี และถูกดำเนินคดีอาญา ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกัน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ ตามคดีอาญาของ สน.ทุ่งสองห้อง และมีเหตุให้พักราชการตามกฎ ก.ตร. ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 มาตรา 131 และมาตรา 199 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ประกอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 จึงให้พันตำรวจโทกับพวก รวม 9 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย
สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจาก พ.ต.ต.ชัยรัตน์ ธรรมสีเทา สว.(สอบสวน) สน.บางซื่อ ปฏิบัติราชการ สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุผู้เสียหายคือ นายไซ หรือ MR.SAI ผู้เสียหายสัญชาติวานูอาตู ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มดังกล่าว อ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมพาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทาง โดยนายไซให้การปฏิเสธว่าไม่เคยมีความเกี่ยวข้อง
ต่อมาหัวหน้าชุดจับกุมได้แจ้งกับนายไซว่า การจ้างแม่บ้านซึ่งเป็นชาวต่างชาติอยู่ในบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นอาจต้องถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายอีกกระทง 1 ด้วย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวเพราะไม่ทราบข้อกฎหมายของไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำการข่มขู่กรรโชกทรัพย์ผู้เสียหาย โดยเรียกรับเงิน 300 ล้านบาท หรือเงินสกุลดิจิทัล จำนวน 10 ล้าน USDT (1USDT เท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 33 บาท) เพื่อแลกกับการจบคดีและไม่ถูกดำเนินคดี จนท้ายที่สุดนายไซได้ยอมโอนเงิน 5 ล้านบาท