วันที่ 19 ก.ค. 66 เวลาประมาณ18.10 น. กลุ่มราษฎรเชียงราย นำโดยนายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ หรือ เซียนแว่น ได้จัดกิจกรรมคาร์ม็อบที่บริเวณลานฝั่งตรงกันข้ามอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายฯ เขตเทศบาลนครเชียงราย ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อเป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์คัดค้าน ไม่เห็นด้วยกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ภายหลังศาล รธน. รับคำร้องคดีถือหุ้นไอทีวี โดยมีมวลชนมารวมตัวกันประมาณ 50 คน มีรถยนต์และรถจักรยานยนต์ร่วมขบวนคาร์ม็อบประมาณ 20 คัน จากนั้นจึงเคลื่อนขบวนไปรวมกันที่หน้าศาลจังหวัดเชียงราย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจาก สภ.เมืองเชียงราย มาสังเกตุการณ์และดูแลความปลอดภัยทางการจราจรให้กับผู้มาชุมชุม

การนัดหมายเพื่อแสดงพลังทางการเมืองในครั้งนี้ มีขึ้นช้ากว่ากำหนดนัดหมาย จากเดิมที่มีนัดรวมตัวกันในเวลา 17.00 น. แต่ปรากฏว่าก่อนหน้านั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักและตกอย่างต่อเนื่องนานนับชั่วโมง จนส่งผลให้มีผู้ที่สามารถออกมาแสดงออกทางการเมืองในครั้งนี้มีจำนวนไม่มากนัก จากนั้นจึงเริ่มเคลื่อนขบวนจากบริเวณแยกอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย ไปสี่แยกแม่กรณ์ก่อนจะเลี้ยวขวาไปตามถนนพหลโยธินสายใน ผ่านหอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ โดยมีจุดหมายที่ศาลจังหวัดเชียงราย ตลอดทางได้มีการแสดงเชิงสัญลักษณ์ บีบแตร ชู 3 นิ้ว ไปตลอดเส้นทางที่ขบวนคาร์ม็อบผ่าน 

เมื่อไปถึงที่หน้าศาลจังหวัดเชียงราย ได้มีการนำแผ่นไวนิลที่มีข้อความว่า “Respect My vote เคารพผลเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน” แขวนไว้เป็นพื้นหลัง และนำแผ่นไวนิลสีขาวมาให้ผู้เข้าร่วมเขียนข้อความ แสดงความรู้สึก ถึงศาลรัฐธรรมนูญ และฝ่ายที่คัดค้านเสียงที่มาจากการเลือกตั้ง ก่อนจะผลัดกันกล่าวปราศรัยผ่านโทรโข่ง โดยมีเนื้อหากล่าวถึง ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส., และกล่าวถึงผลการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส. แต่ไม่สามารถเลือก ครม.ได้ เป็นต้น

นายสราวุฒิ หอมสมบัติ ทีมงานพรรคก้าวไกล จ.เชียงราย กล่าวว่า วันนี้มีเหตุการณ์สำคัญทั้งเรื่องการให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่และยังไม่ให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีก สถานการณ์เหมือนกับที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถูกกระทำ จึงสงสัยว่า "แล้วจะเลือกตั้งไปทำไม" ในเมื่อมีกับดักทางการเมืองอย่างนี้

โดยในช่วงท้ายของการชุมนุมได้มีการถ่ายภาพร่วมกันกับผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ขณะชู 3 นิ้ว พร้อมกับเปล่งเสียงคำว่า "เผด็จการจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" จำนวน 3 ครั้ง ก่อนยุติการชุมนุม

นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จ.เชียงราย มี ส.ส.ฝ่ายประชาธิปไตยทุกเขต แต่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคนเพียง 7 คน สามารถพิพากษานายพิธาให้หยุดปฏอบัติหน้าที่ได้ ประเทศไทยมีอภินิหารกฎหมายเพราะผู้ที่การเลือกตั้งชนะกลับตั้งรัฐบาลไม่ได้ หลังจากนี้ก็จะมีการออกมาเคลื่อนไหวแสดงความเห็นทางการเมืองอีกเรื่อยๆ แต่ต้องดูการเคลื่อนไหวของกลุ่มใหญ่ในส่วนกลางก่อน เมื่อทางนั้นมีการเคลื่อนไหว ทางกลุ่มราษฎรเชียงรายก็พร้อมจะซัพพอร์ตอย่างเต็มที่เช่นกัน