เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนพ.ศ 2566 ณ วัดคลองไก่เถื่อน ตำบลคลองไก่เถื่อน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว คุณสง่า อ่อนตา และ ภรรยา เจ้าของตลาดคนเดินแยกบางพลู เป็นประธานทอดกฐินสามัคคีเงินล้าน นำบุญกฐินจากผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันถวายองค์กฐิน มีพุทธสานิกชนร่วมงานบุญอย่างเนืองแน่น ซึ่งชาวบ้านในละแวกหมู่บ้าน ตำบลคลองเถื่อนล้วนแต่ พูดถึงคุณสง่า อ่อนตา ว่าเป็นผู้มีเมตตาจิต และทำนุบำรุงวัดวาอารม ช่วยเหลือคนยากไร้เป็นประจำ และวันนี้ คุณสง่า และ เหล่านักบุญยังร่วมนำอาหารมาแจกในลักษณะเปิดโรงทานอีกมากมาย จนชาวบ้านรู้สึกภูมิใจและศรัทธาที่คุณ สง่า ร่วมกันสร้างบุญ กุศล จนทำให้พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ชาวบ้านและเยาวชนใน อำเภอนี้และใกล้เคียงหันมาเข้าวัด ทำบุญ กันมากขึ้น และประมาณต้นปี 2567 จะมีการหล่อพระ ที่วัดบ้านคลองไก่เถื่อน อันเป็นมหากุศลที่ยิ่งใหญ่อีกครั้ง

โดยคุณสง่า อ่อนตา เกิดเมื่อวันที่ 30 ต.ค.2515 เกิดในพื้นที่ ตำบลคลองเถื่อน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เป็นลูกคนที่สองของครอบครัว แต่เดิมครอบครัวมีฐานะยากจนมีอาชีพทำนา ซึ่งคุณ สง่า ก็ช่วยครอบครัวทำนาแต่เด็ก ซึ่งคุณสง่ามีความคิดอยากหาเงินช่วยครอบครัวให้พ่อแม่พี่น้องสบาย แบ่งเบาภาระ จึงเดินทางออกจากบ้านเมื่ออายุประมาณ 25 ปี เพื่อหางานทำในกรุงเทพ ก็ได้มาเป็นลุกจ้างล้างคัตซีรถยนต์ย่านบางเขน ช่วงปี พ.ศ. 2542 ได้ย้ายไปเช่าห้องเล็กๆแถวแยกลำสาลี ทำอาชีพ เดินขายหนังสือพิมพ์ที่แยกไฟแดง พัฒนาการ ก็คิดเสมอว่าทำอย่างไรให้ชีวิตดีขึ้นกว่านี้ วันหนึ่งคนขับรถเมลล์ที่ผ่านแยกไฟแดงพัฒนาการจอดติดไฟแดง คุณสง่าจึงตะโกนถามคนขับรถเมลล์ว่า มีงานให้ทำบ้างไหม คนขับรถเมลล์จึงชักชวนมาทำงานเป็นกระเป๋ารถเมลล์ สาย 207 (ปัจจุบันหยุดเดินรถแล้ว) ตอนนั้นได้เงินวันละ 250 บาท ก่อนที่พี่ชายจะชวนมาทำงานในตลาดเป็นช่างเดินสายไฟ และทำจิปาถะในตลาดย่านบางบัวทอง จนนำชีวิตพลิกผันมาสู่เจ้าของตลาดนัดบางพลู บางบัวทองในปัจจุบัน

คุณสง่า อ่อนตา เล่าว่า ตอนเด็กๆอยากมีเงินช่วยครอบครัวก็เดินทางไปกรุงเทพหางาน ทำทุกอย่าง และดิ้นรหางานให้ชีวิตดีขึ้น จนได้มาทำงานอยู่ตลาดแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง เดินสายไฟ ช่าง จากการชักชวนของพี่ชายคนโต ก็พยายามเก็บหอมรอมริบ จนกระทั่งวันหนึ่งประจวบเหมาะได้เช่าที่ดินแปลงหนึ่งไว้และดำเนินธุรกิจจัดตลาดนัด พร้อมตั้งชื่อตลาดนัดบางพลู ปรากฏธุรกิจเติบโตเรื่อยมา จนกลายเป็นตลาดนัดชื่อดังในย่านบางบัวทองไปเลย ถ้าถามเรื่องการเจริญเติบโตของตลาด ตนเองไม่เคยเอาเปรียบใคร ค่อนข้างเข้าใจคนรากหญ้า คนจน คนหาเช้ากินค่ำ เพราะตนเองเคยลำบากมาก่อน ใช้คติ คุณธรรมนำธุรกิจ ช่วยเหลือสังคมเท่าที่มีโอกาส และกำลังพอจะช่วยได้ ที่ผ่านมาก็ช่วยสนับสนุน อาหาร ของเครื่องใช้ บริจาคให้ มูลนิธิองค์กรอาสาอิสระศูนย์พญาอินทรี บางบัวทอง อยู่ประจำ ปัจจุบันด้วยความที่อยากช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนยากจนให้มีชีวิตดีขึ้น ตนเองได้ร่วมกับพรรคพวกกำลังจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้น เพื่อเตรียมลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนฯ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเป็นความหวังประชาชนต่อไป