เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2567
ประธานเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคไทย ร่วมงาน EXIM BANK เดำเนินงานครบรอบ 30 ปี
(อ่านแล้ว 276 ครั้ง)
Share on Google+

 

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2567  ณ อาคารเอ็กซิม เชที 1193 ถนนพลโยธิน พญาไท กรุงเทพฯ พ.ต.ประวีร์ จินดาวรรณ ประธานเครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคไทย / และประธานศูนย์ส่งเสริมความร่วมมือไทย-เมียนมาร์ เข้าร่วมงานครบรอบ 30 ปี ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ซึ่งเป็นงานส้มนาแลกเปลี่ยนมุมมองและทิศทางการพัฒนาประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน Thailand's Green Future

โดย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 30 ปี EXIM BANK ว่า ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนทุกวันนี้ ได้แก่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกเปลี่ยนผ่านจากภาวะโลกร้อน (Global Warning) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Glcbal Boling)นำไปสู่การเกิดภัยธรรรมชาติบ่อยครั้งและนแรงขึ้น ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยจึงต้องเร่งเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสีเขียวพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDGs และเป้าหมายประเทศไทย สู่Thailand's Green Future  ตามเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions

เป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ของประเทศไทยภายในปี 2593 และ 2608 ตามลำดับ รัฐบาลไทยมุ่งสนับสนุนกลไกและนโยบายต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เช่น ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 50% ส่งเสริมการทำเกษตรยั่งยืนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยการให้ความรู้เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต และหาแนวทางขยายตลาดต่างประเทศ ตลอดจนดึงดูดบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เข้ามาลงทุน เช่น ดาต้าเซนเตอร์ อุตสาหกรรมที่ชับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพเศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy) พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเพิ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ส่งเสริมให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยี และเพิ่มพูนทักษะฝีมือแรงงานไทย

ปัจจุบันประเทศไทยยังปล่อยคาร์บอนสูงกว่าหลายประเทศ อยู่ในระดับ 3.78 ตันคารับอนต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นในอาเชียน อาทิ อินโดนเซียและเวียดนาม  การส่งออกของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีไม่มากนัก อยู่ในสัดส่วนเพียง 7.6% ของการส่งออกทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทย รับตัวรับมือกับมาตรกาทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีมากถึง 18.000 ฉบับ แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากธุรกิจที่คำนึงถึง ESG มีการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่าธุรกิจทั่วไปกว่า 2 เท่าตัว EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังจึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนชับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตของประเทศไทยและโลกที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท Green Development Bank ด้วยกลยุทธ์ "Greenovation ซึ่งธนาคารผ่านการพิจารณาขึ้นทะเบียนฉลากคาร์บอนประเภท Carbon Neutral Event ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) สำหรับการจัดงาน EXIM BANK ได้รับการสนับสนุนคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการจัดงานจำนวน 16 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากบริษัท เวฟ บีซีจี จำกัด (มหาธน) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้านความยั่งยืน

 

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ